ผู้เขียน หัวข้อ: หมอออนไลน์: อาการเวียนศีรษะ (Dizziness) และอาการบ้านหมุน (Vertigo)  (อ่าน 15 ครั้ง)

siritidaphon

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 808
  • เวบบอร์ดโพสขายฟรี
    • ดูรายละเอียด
หมอออนไลน์: อาการเวียนศีรษะ (Dizziness) และอาการบ้านหมุน (Vertigo)

อาการเวียนศีรษะ (Dizziness) และอาการบ้านหมุน (Vertigo) เป็นอาการที่พบบ่อยและสร้างความรู้สึกไม่สบายอย่างมากครับ แม้จะถูกใช้สลับกันบ่อยๆ แต่สองคำนี้มีความหมายที่แตกต่างกันเล็กน้อยในทางการแพทย์ และมักมีสาเหตุที่ต่างกันด้วย


เวียนศีรษะ (Dizziness)

เวียนศีรษะ เป็นคำที่กว้างกว่า ใช้เรียกอาการที่รู้สึกมึนงง โคลงเคลง หน้ามืด คล้ายจะหมดสติ ทรงตัวไม่มั่นคง แต่ไม่ได้รู้สึกว่าสิ่งรอบตัวกำลังหมุน อาการนี้อาจทำให้รู้สึกไม่สบายตัว ไม่มั่นคง และอาจนำไปสู่การล้มได้

สาเหตุของอาการเวียนศีรษะ (Dizziness):

อาการเวียนศีรษะมีสาเหตุได้หลากหลายมาก ทั้งที่ไม่ร้ายแรงและที่ร้ายแรง ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับ:

ปัญหาเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด:

ความดันโลหิตต่ำ: โดยเฉพาะเมื่อเปลี่ยนท่าทางกะทันหัน (Orthostatic Hypotension) เช่น ลุกขึ้นยืนเร็วเกินไป

ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือหัวใจวาย: ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ

ภาวะเลือดจาง: ทำให้ร่างกายขาดออกซิเจน

ปัญหาเกี่ยวกับสมองและระบบประสาท:

ไมเกรน: อาการเวียนศีรษะอาจเป็นส่วนหนึ่งของอาการไมเกรนได้

การขาดเลือดไปเลี้ยงสมองชั่วคราว (Transient Ischemic Attack - TIA) หรือโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke): ซึ่งเป็นภาวะร้ายแรงที่ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน

โรคพาร์กินสัน หรือโรคทางระบบประสาทอื่นๆ ที่มีผลต่อการทรงตัว

เนื้องอกในสมอง: ในกรณีที่ร้ายแรงมาก

ยาบางชนิด:

ยาบางประเภทอาจมีผลข้างเคียงทำให้เวียนศีรษะ เช่น ยาลดความดันโลหิต ยาแก้แพ้ ยานอนหลับ ยาคลายกังวล

ภาวะอื่นๆ:

ภาวะขาดน้ำ: โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อน หรือเมื่อออกกำลังกายหนัก

น้ำตาลในเลือดต่ำ: ในผู้ป่วยเบาหวาน

ความเครียด วิตกกังวล หรือภาวะตื่นตระหนก

การพักผ่อนไม่เพียงพอ

ภาวะติดเชื้อ: เช่น ไข้หวัดใหญ่ หรือการติดเชื้ออื่นๆ


บ้านหมุน (Vertigo)

บ้านหมุน เป็นอาการเวียนศีรษะชนิดหนึ่งที่เฉพาะเจาะจงกว่า โดยผู้ป่วยจะรู้สึกว่าตนเองหรือสิ่งแวดล้อมกำลังหมุน หรือเคลื่อนไหว ทั้งๆ ที่อยู่กับที่ คล้ายกับความรู้สึกหลังการหมุนตัวหลายๆ รอบ อาการบ้านหมุนมักจะรุนแรงกว่าเวียนศีรษะทั่วไป และอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน และเสียการทรงตัวร่วมด้วย


สาเหตุของอาการบ้านหมุน (Vertigo):

อาการบ้านหมุนส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากความผิดปกติของระบบการทรงตัว ซึ่งเกี่ยวข้องกับหูชั้นในและ/หรือสมอง

A. สาเหตุจากหูชั้นใน (Peripheral Vertigo) - พบได้บ่อยที่สุด:

โรคหินปูนในหูชั้นในเคลื่อนที่ (Benign Paroxysmal Positional Vertigo - BPPV): เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด อาการบ้านหมุนจะเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันเมื่อมีการเปลี่ยนท่าทางศีรษะ เช่น ลุกจากที่นอน พลิกตัว ก้มเงย ระยะเวลาของอาการสั้นๆ เพียงไม่กี่วินาทีถึงนาที

โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน (Meniere's Disease): มีอาการบ้านหมุนรุนแรงเป็นพักๆ ร่วมกับหูอื้อ หูได้ยินลดลง และมีเสียงในหู (Tinnitus)

การอักเสบของเส้นประสาทการทรงตัว (Vestibular Neuritis / Labyrinthitis): มักเกิดจากการติดเชื้อไวรัส ทำให้มีอาการบ้านหมุนรุนแรง เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน และเสียการทรงตัวนานเป็นวันๆ แต่อาการหูอื้อหรือมีเสียงในหูจะไม่เด่นเท่า Meniere's Disease

การบาดเจ็บที่ศีรษะ: อาจส่งผลกระทบต่อระบบทรงตัวในหูชั้นใน

การใช้ยาบางชนิด: ที่มีผลต่อหูชั้นใน (Ototoxic drugs)

B. สาเหตุจากสมอง (Central Vertigo) - พบได้น้อยกว่า แต่ร้ายแรงกว่า:

โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) หรือ การขาดเลือดไปเลี้ยงสมองชั่วคราว (TIA): โดยเฉพาะที่บริเวณก้านสมองหรือสมองน้อย ซึ่งควบคุมการทรงตัว

ไมเกรนแบบเวียนศีรษะ (Vestibular Migraine): ไมเกรนที่แสดงอาการหลักเป็นบ้านหมุน

เนื้องอกในสมอง: โดยเฉพาะที่บริเวณสมองน้อย หรือเส้นประสาทสมองคู่ที่ 8 (Vestibular Schwannoma)

โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (Multiple Sclerosis - MS): เป็นโรคทางระบบประสาทที่ส่งผลต่อการทำงานของสมองและไขสันหลัง


เมื่อไหร่ที่ควรรีบไปพบแพทย์?

หากมีอาการเวียนศีรษะหรือบ้านหมุนร่วมกับอาการเหล่านี้ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณของภาวะที่อันตราย:

ปวดศีรษะรุนแรงอย่างกะทันหัน

มองเห็นภาพซ้อน หรือตาพร่ามัวผิดปกติ

มีไข้สูง คอแข็ง

แขนขาอ่อนแรง ชา หรืออัมพาตครึ่งซีก

พูดลำบาก พูดไม่ชัด

เดินเซอย่างรุนแรง หรือไม่สามารถเดินได้

หมดสติ หรือเป็นลม

ชัก

อาการไม่ดีขึ้นหลังการพักผ่อน

การดูแลตนเองเบื้องต้นเมื่อมีอาการ
นั่งหรือนอนลงทันที: เพื่อป้องกันการหกล้ม

หลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวศีรษะอย่างรวดเร็ว

หลีกเลี่ยงแสงจ้า หรือเสียงดัง

พักผ่อนให้เพียงพอ: โดยเฉพาะในห้องที่มืดและเงียบ

จิบน้ำเปล่า: เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ

เนื่องจากอาการเวียนศีรษะและบ้านหมุนมีสาเหตุได้หลากหลาย ตั้งแต่ไม่รุนแรงไปจนถึงอันตรายถึงชีวิต การไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุที่แท้จริงจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพื่อให้ได้รับการรักษาที่ถูกต้องและเหมาะสมครับ