หมอออนไลน์: อาการเวียนศีรษะ (Dizziness) และอาการบ้านหมุน (Vertigo)อาการเวียนศีรษะ (Dizziness) และอาการบ้านหมุน (Vertigo) เป็นอาการที่พบบ่อยและสร้างความรู้สึกไม่สบายอย่างมากครับ แม้จะถูกใช้สลับกันบ่อยๆ แต่สองคำนี้มีความหมายที่แตกต่างกันเล็กน้อยในทางการแพทย์ และมักมีสาเหตุที่ต่างกันด้วย
เวียนศีรษะ (Dizziness)
เวียนศีรษะ เป็นคำที่กว้างกว่า ใช้เรียกอาการที่รู้สึกมึนงง โคลงเคลง หน้ามืด คล้ายจะหมดสติ ทรงตัวไม่มั่นคง แต่ไม่ได้รู้สึกว่าสิ่งรอบตัวกำลังหมุน อาการนี้อาจทำให้รู้สึกไม่สบายตัว ไม่มั่นคง และอาจนำไปสู่การล้มได้
สาเหตุของอาการเวียนศีรษะ (Dizziness):
อาการเวียนศีรษะมีสาเหตุได้หลากหลายมาก ทั้งที่ไม่ร้ายแรงและที่ร้ายแรง ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับ:
ปัญหาเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด:
ความดันโลหิตต่ำ: โดยเฉพาะเมื่อเปลี่ยนท่าทางกะทันหัน (Orthostatic Hypotension) เช่น ลุกขึ้นยืนเร็วเกินไป
ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือหัวใจวาย: ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ
ภาวะเลือดจาง: ทำให้ร่างกายขาดออกซิเจน
ปัญหาเกี่ยวกับสมองและระบบประสาท:
ไมเกรน: อาการเวียนศีรษะอาจเป็นส่วนหนึ่งของอาการไมเกรนได้
การขาดเลือดไปเลี้ยงสมองชั่วคราว (Transient Ischemic Attack - TIA) หรือโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke): ซึ่งเป็นภาวะร้ายแรงที่ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน
โรคพาร์กินสัน หรือโรคทางระบบประสาทอื่นๆ ที่มีผลต่อการทรงตัว
เนื้องอกในสมอง: ในกรณีที่ร้ายแรงมาก
ยาบางชนิด:
ยาบางประเภทอาจมีผลข้างเคียงทำให้เวียนศีรษะ เช่น ยาลดความดันโลหิต ยาแก้แพ้ ยานอนหลับ ยาคลายกังวล
ภาวะอื่นๆ:
ภาวะขาดน้ำ: โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อน หรือเมื่อออกกำลังกายหนัก
น้ำตาลในเลือดต่ำ: ในผู้ป่วยเบาหวาน
ความเครียด วิตกกังวล หรือภาวะตื่นตระหนก
การพักผ่อนไม่เพียงพอ
ภาวะติดเชื้อ: เช่น ไข้หวัดใหญ่ หรือการติดเชื้ออื่นๆ
บ้านหมุน (Vertigo)
บ้านหมุน เป็นอาการเวียนศีรษะชนิดหนึ่งที่เฉพาะเจาะจงกว่า โดยผู้ป่วยจะรู้สึกว่าตนเองหรือสิ่งแวดล้อมกำลังหมุน หรือเคลื่อนไหว ทั้งๆ ที่อยู่กับที่ คล้ายกับความรู้สึกหลังการหมุนตัวหลายๆ รอบ อาการบ้านหมุนมักจะรุนแรงกว่าเวียนศีรษะทั่วไป และอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน และเสียการทรงตัวร่วมด้วย
สาเหตุของอาการบ้านหมุน (Vertigo):
อาการบ้านหมุนส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากความผิดปกติของระบบการทรงตัว ซึ่งเกี่ยวข้องกับหูชั้นในและ/หรือสมอง
A. สาเหตุจากหูชั้นใน (Peripheral Vertigo) - พบได้บ่อยที่สุด:
โรคหินปูนในหูชั้นในเคลื่อนที่ (Benign Paroxysmal Positional Vertigo - BPPV): เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด อาการบ้านหมุนจะเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันเมื่อมีการเปลี่ยนท่าทางศีรษะ เช่น ลุกจากที่นอน พลิกตัว ก้มเงย ระยะเวลาของอาการสั้นๆ เพียงไม่กี่วินาทีถึงนาที
โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน (Meniere's Disease): มีอาการบ้านหมุนรุนแรงเป็นพักๆ ร่วมกับหูอื้อ หูได้ยินลดลง และมีเสียงในหู (Tinnitus)
การอักเสบของเส้นประสาทการทรงตัว (Vestibular Neuritis / Labyrinthitis): มักเกิดจากการติดเชื้อไวรัส ทำให้มีอาการบ้านหมุนรุนแรง เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน และเสียการทรงตัวนานเป็นวันๆ แต่อาการหูอื้อหรือมีเสียงในหูจะไม่เด่นเท่า Meniere's Disease
การบาดเจ็บที่ศีรษะ: อาจส่งผลกระทบต่อระบบทรงตัวในหูชั้นใน
การใช้ยาบางชนิด: ที่มีผลต่อหูชั้นใน (Ototoxic drugs)
B. สาเหตุจากสมอง (Central Vertigo) - พบได้น้อยกว่า แต่ร้ายแรงกว่า:
โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) หรือ การขาดเลือดไปเลี้ยงสมองชั่วคราว (TIA): โดยเฉพาะที่บริเวณก้านสมองหรือสมองน้อย ซึ่งควบคุมการทรงตัว
ไมเกรนแบบเวียนศีรษะ (Vestibular Migraine): ไมเกรนที่แสดงอาการหลักเป็นบ้านหมุน
เนื้องอกในสมอง: โดยเฉพาะที่บริเวณสมองน้อย หรือเส้นประสาทสมองคู่ที่ 8 (Vestibular Schwannoma)
โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (Multiple Sclerosis - MS): เป็นโรคทางระบบประสาทที่ส่งผลต่อการทำงานของสมองและไขสันหลัง
เมื่อไหร่ที่ควรรีบไปพบแพทย์?
หากมีอาการเวียนศีรษะหรือบ้านหมุนร่วมกับอาการเหล่านี้ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณของภาวะที่อันตราย:
ปวดศีรษะรุนแรงอย่างกะทันหัน
มองเห็นภาพซ้อน หรือตาพร่ามัวผิดปกติ
มีไข้สูง คอแข็ง
แขนขาอ่อนแรง ชา หรืออัมพาตครึ่งซีก
พูดลำบาก พูดไม่ชัด
เดินเซอย่างรุนแรง หรือไม่สามารถเดินได้
หมดสติ หรือเป็นลม
ชัก
อาการไม่ดีขึ้นหลังการพักผ่อน
การดูแลตนเองเบื้องต้นเมื่อมีอาการ
นั่งหรือนอนลงทันที: เพื่อป้องกันการหกล้ม
หลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวศีรษะอย่างรวดเร็ว
หลีกเลี่ยงแสงจ้า หรือเสียงดัง
พักผ่อนให้เพียงพอ: โดยเฉพาะในห้องที่มืดและเงียบ
จิบน้ำเปล่า: เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
เนื่องจากอาการเวียนศีรษะและบ้านหมุนมีสาเหตุได้หลากหลาย ตั้งแต่ไม่รุนแรงไปจนถึงอันตรายถึงชีวิต การไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุที่แท้จริงจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพื่อให้ได้รับการรักษาที่ถูกต้องและเหมาะสมครับ