พลังศรัทธาหลวงพ่อแหวง เที่ยววัดคมนียเขต จ.พังงา กองไฟถวายหน้ากุฏิไม่เคยดับพลังศรัทธาหลวงพ่อแหวง ณ วัดคมนียเขต (วัดคึกคัก) ที่ว่ากันว่ามีวาจาสิทธิ์ ชาวบ้านก่อกองไฟถวายหน้ากุฏิไม่เคยดับ
เที่ยวพังงา ชวนไปสักการะ หลวงพ่อแหวง อาภากโร อดีตเจ้าอาวาสวัดคมนียเขต (วัดคึกคัก) พระอริยสงฆ์ชื่อดังในฝั่งอันดามัน ที่ว่ากันว่ามีวาจาสิทธิ์ เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวบ้านในเขตจังหวัดพังงา ภูเก็ต และใกล้เคียง
วัดคมนียเขต ตั้งอยู่ที่ไหน
วัดคมนียเขต หรือที่เรียกกันว่า วัดคึกคัก ตั้งอยู่บริเวณถนนเพชรเกษม ช่วงเขาหลัก ตำบลคึกคัก อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา ห่างจากหาดเขาหลักประมาณ 5-6 กิโลเมตร
พิกัด Google Map : วัดคมนียเขต
ประวัติวัดคมนียเขต
วัดคมนียเขต เป็นวัดราษฎร์ สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย สร้างขึ้นเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2452 โดยมี พระครูประสาทประกฤตพรต (ซิ่น ธมฺมรกฺขิโต) เป็นผู้ริเริ่มดำเนินการ แต่เดิมเรียกกันว่า บ้านคุกคัก มาจากการฟังเสียงของน้ำที่ไหลมากระทบกับโขดหินในลำคลองดัง "คุกคัก คุกคัก" ก่อนที่ นายร่วง บัวแก้ว ครูใหญ่โรงเรียนวัดคุกคัก คนที่ 7 ได้เสนอขอเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นตำบลคึกคักต่อนายอำเภอ และเป็น วัดคึกคัก ตามชื่อหมู่บ้าน ตำบล ก่อนจะเปลี่ยนชื่อใหม่ว่า วัดคมนียเขต หมายถึง ภูมิประเทศสวยงาม มีสายน้ำล้อมรอบเป็นขอบเขต
ภายในวัดคมนียเขต บริเวณกุฏิไม้หลังเล็ก ๆ จะมีกลุ่มควันไฟลอยคลุ้งอยู่ตลอดทั้งวัน สร้างความสนใจและความสงสัยให้กับคนต่างถิ่นที่แวะเวียนเข้ามาทำบุญและติดต่อกับทางวัด ด้านหน้าเปิดโล่งมีรูปปั้นขนาดองค์จริงของ หลวงพ่อแหวง อาภากโร เจ้าอาวาสวัดคึกคักตั้งแต่ปี พ.ศ. 2484-2511 รวม 27 ปี โดยสรีรสังขารของท่านยังไม่เน่าเปื่อย ปัจจุบันยังบรรจุอยู่ในโลงแก้วในอนุสาวรีย์ เป็นที่สักการบูชามามากกว่า 50 ปี โดยจะมีร่องรอยปิดทองคำเปลวตั้งแต่บันได เก้าอี้ไม้ รูปปั้น และรูปถ่าย
หลวงพ่อแหวงมรณภาพเมื่อปี พ.ศ. 2511 หลังจากนั้นลูกศิษย์ได้จัดสร้างกุฏิหลังนี้ขึ้น พร้อมกับรูปหล่อขนาดเท่าตัวจริงไว้กราบไหว้บูชา โดยด้านหน้ากุฏิจะมีกองไฟไม้ฟืนล้อมด้วยก้อนหินจุดรมทั้งวันซึ่งไม่เคยดับ โดยจะมีคนมาคอยเติมไม้ฟืนใส่อยู่ตลอด ซึ่งตอนที่มีชีวิตหลวงพ่อจะผิงไฟ อาบไฟแทนน้ำมาตลอดชีวิต โดยท่านจะสรงน้ำปีละครั้งในวันสงกรานต์เท่านั้น
เรื่องเล่าเกี่ยวกับหลวงพ่อแหวง อาภากโร
ชาวบ้านที่อยู่ใกล้วัดเล่าว่า พ่อท่านแหวงมีความศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมาก เคยมีประสบการณ์ด้วยตนเองว่าปวดขา รักษาแพทย์ปัจจุบันก็ไม่หาย คนแก่บอกว่าให้กราบไหว้หลวงพ่อและผิงไฟหน้ากุฏิแล้วจะหาย เมื่อทำตามที่บอกก็หายจริง ๆ และแม่ก็เคยเล่าว่าชาวบ้านเคยมาหาหลวงพ่อที่กุฏิ พบว่าท่านจำวัดตอนกลางวัน ถึงเวลาก็ไม่ตื่น ปลุกเรียกอย่างไรก็ไม่ตื่น มาตื่นตอนเย็นแล้ว เมื่อลงมาจากกุฏิก็ได้ถามว่าหลวงพ่อไปไหนมา หลวงพ่อตอบว่าไปเฝ้าสวนให้ชาวบ้านที่บนบานหลวงพ่อว่าอย่าให้นกมากินข้าวที่ปลูกกำลังสุกอยู่ในสวนในไร่ จนเจ้าของสวนมาถึงหลวงพ่อก็กลับมา
และมีเรื่องเล่าอีกว่า วันหนึ่งท่านกำลังเดินเท้าจากวัดคึกคักจะไปทำธุระที่ตลาดตะกั่วป่า ห่างไปประมาณ 30 กิโลเมตร มีรถโดยสารในหมู่บ้านอยู่ 1 คัน กำลังจะไปตลาดตะกั่วป่า จอดรับนิมนต์ท่านขึ้นรถ แต่ท่านบอกว่าจะเดินไปเอง เมื่อรถโดยสารไปถึงตลาดตะกั่วป่า พบว่าหลวงพ่อเดินอยู่ในตลาดแล้ว จนเป็นที่เล่าลือกันว่าท่านมีวิชาอาคมย่นระยะทางได้
หลวงพ่อแหวง อาภากโร ผู้เรืองวิทยาคมและไสยเวท
หลวงพ่อแหวง ขณะที่มีชีวิตอยู่ท่านมีจริยาวัตรเป็นพระที่อยู่อย่างเรียบง่าย มีความเมตตาต่อทุกคน ฉันอาหารเพียงมื้อเดียว โดยในวันธรรมดาท่านจะฉันแค่ผลไม้ ส่วนวันพระจะฉันข้าวเพียง 9 คำเท่านั้น ท่านปฏิบัติเป็นพระป่า เมื่อออกพรรษาทุกปีจะออกธุดงควัตรเพื่อแสวงหาโมกขธรรม และกลับวัดเมื่อถึงช่วงเข้าพรรษา ท่านได้เพียรบำเพ็ญบารมีธรรม ปฏิบัติสมาธิ วิปัสสนากรรมฐานอย่างเคร่งครัด อีกทั้งใฝ่ศึกษาวิชาไสยเวท ร่ำเรียนวิทยาคมทุกแขนงจากครูบาอาจารย์ต่าง ๆ
หลวงพ่อแหวงเป็นศิษย์ของ พระครูประสาทประกฤตพรต อดีตเจ้าอาวาสวัดคึกคักองค์แรก เรียนวิชาสมุนไพรใบยา วิชามหาประสาน ไสยเวทมนตรา จนสำเร็จ ท่านพระครูประสาทประกฤตพรตจึงได้ฝากฝังให้ไปเรียนวิชากสิณไฟ ผงพระเจ้าโปรดโลก ผงพระสีวลี และผงมหาราชศรีวิชัย จาก พระอุปัชฌาย์เทือก มานจาโร ผู้วิเศษอันลือเลื่องแห่งวัดบ่อแสน อำเภอทับปุด จังหวัดพังงา มงคลวัตถุของท่านในปัจจุบันเป็นของดี ล้ำค่า หายาก สืบเนื่องจากมีประสบการณ์อันโด่งดังมาช้านานหลายทศวรรษ