ผู้เขียน หัวข้อ: หมอออนไลน์: โรคความดันโลหิตสูง  (อ่าน 162 ครั้ง)

siritidaphon

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 439
  • เวบบอร์ดโพสขายฟรี
    • ดูรายละเอียด
หมอออนไลน์: โรคความดันโลหิตสูง
« เมื่อ: วันที่ 30 สิงหาคม 2024, 21:21:13 น. »
หมอออนไลน์: โรคความดันโลหิตสูง

โรคความดันโลหิตสูงคืออะไร

ความดันโลหิต คือ ความดันที่มีผลต่อหลอดเลือดในระหว่างการหดตัว และคลายตัวของหัวใจ ความดันนี้มักอธิบายในรูปแบบของมิลลิเมตรปรอท (mmHg) ความดันที่บันทึกได้ระหว่างการหดตัวของหัวใจจะเรียกว่า "ความดันซิสโตลิก" (SBP) และความดันที่บันทึกได้ระหว่างการคลายตัวของหัวใจจะเรียกว่า "ความดันไดแอสโตลี" (DBP)

ความดันโลหิตสูงเป็นภาวะที่ SBP สูงกว่า หรือเท่ากับ 140 mmHg หรือ DBP จะสูงกว่า หรือเท่ากับ 90 mmHg

สถานการณ์ในฮ่องกง

ความดันโลหิตสูงนั้นพบได้มากในฮ่องกง การสำรวจสุขภาพประชากรประจำปี 2014/2015 ได้เปิดเผยว่า 27% ของประชากรที่มีอายุ 15 ปี และมากกว่ามีโรคความดันโลหิตสูง จำนวนของผู้ป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูงเพิ่มขึ้นตามอายุ ตั้งแต่ 4.5 % สำหรับผู้ที่มีอายุ 15-24 ปี ถึง 64.8% สำหรับผู้ที่มีอายุ 65-84 ปี

สาเหตุของโรคความดันโลหิตสูง

    ส่วนใหญ่ 90% ของโรคความดันโลหิตสูงไม่มีสาเหตุที่แน่นอน และจะเรียกว่า "ชนิดไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด" ปัจจัยความเสี่ยงที่เกี่ยวอาจเกี่ยวข้องกับโรคได้มีการอธิบายไว้ด้านล่าง
    10% ของโรคความดันโลหิตสูง เป็นอันดับที่สองรองจากโรคอื่น ๆ เช่นโรคไตวายเรื้อรัง และโรคต่อมไร้ท่อ

ปัจจัยเสี่ยงสำหรับโรคความดันโลหิตสูง

การสูบบุหรี่

    น้ำหนักเกิน และโรคอ้วน
    ไม่มีการออกกำลังกาย
    รับประทานเกลือในปริมาณสูง
    ดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป
    อายุเพิ่มมากขึ้น
    ประวัติของครอบครัว (ลำดับญาติแรก) มีโรคความดันโลหิตสูง

อาการของโรคความดันโลหิตสูง

    ผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่แสดงอาการ มักจะค้นพบภาวะของโรคในระหว่างการตรวจสุขภาพตามปกติ หรือเมื่อเกิดภาวะแทรกซ้อน
    ความดันโลหิตสูงมากอาจก่อให้เกิดอาการ เช่น วิงเวียนศีรษะ มีปัญหาในการมองเห็น ปวดศีรษะ หน้าแดง และเหนื่อยล้า

ภาวะแทรกซ้อน

โรคความดันโลหิตสูงที่ไม่ได้รับการรักษา และไม่มีการควบคุมสามารถนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น หัวใจล้มเหลว โรคหัวใจ และหลอดเลือดหัวใจ ภาวะสมองขาดเลือด โรคไตวาย เป็นต้น โรคความดันโลหิตสูงที่ไม่มีการควบคุมเป็นภัยเงียบที่คร่าชีวิตได้ การตรวจวินิจฉัยโรคตั้งแต่เนิ่น ๆ และได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมสามารถป้องกัน หรือชะลอภาวะแทรกซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การคอยตรวจสอบความดันโลหิตเป็นประจำ

ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงส่วนใหญ่จะไม่แสดงอาการที่เห็นได้ชัดเจน วัยผู้ใหญ่ควรได้รับการตรวจวัดความดันโลหิตเป็นประจำ 1

หมวดหมู่ของความดันโลหิต    ความดันโลหิต (mmHg)               คำแนะนำ
                                          ซิสโตลิก                            ไดแอสโตลี
เหมาะสม                             ต่ำกว่า 120         ต่ำกว่า 80        ตรวจสอบอีกครั้งในอีก 2 ปีถัดไป (ปีละหนึ่งครั้งสำหรับผู้ที่มีอายุมากกว่า75 ปี)
ปกติ                                     120-129          80-84        ตรวจสอบอีกครั้งในอีก 1 ปีถัดไป
สูงกว่าปกติ                             130-139           85-89        ตรวจสอบอีกครั้งในอีก 6 เดือนถัดไป
ความดันโลหิตสูง                     สูงกว่า หรือเท่ากับ 140    สูงกว่า หรือเท่ากับ 90    ขอรับคำปรึกษาจากแพทย์โดยเร็วที่สุด

1แพทย์อาจปรับเปลี่ยนระยะเวลาตรวจสอบตามข้อมูลที่สามารถเชื่อถือได้จากการวัดความดันโลหิตที่ผ่านมา ปัจจัยความเสี่ยงของโรคหัวใจ และหลอดเลือดอื่น ๆ หรือโรคต่าง ๆ ที่ทำความเสียหายให้กับอวัยวะเป้าหมาย

หลังจากได้รับประวัติการรักษาของผู้ป่วย และทำการตรวจร่างกายอย่างละเอียดแล้ว แพทย์จะจัดเตรียมการตรวจสอบอื่น ๆ หากมีความจำเป็น เช่น การตรวจเลือด การตรวจปัสสาวะ การตรวจด้วยไฟฟ้า การตรวจเอกซเรย์ทรวงอก และการตรวจอวัยวะเพื่อค้นหาสาเหตุ และภาวะแทรกซ้อนของโรคความดันโลหิตสูง


การจัดการกับโรคความดันโลหิตสูง

การจัดการกับโรคความดันโลหิตสูงนั้นขึ้นอยู่กับความมุ่งมั่นของผู้ป่วยในการมีส่วนร่วมเชิงรุกในการดูแลจัดการตนเอง และนำแนวทางการปฏิบัติด้านการดำเนินชีวิตที่มีสุขภาพดีมาปรับใช้:

รับประทานยาตามแพทย์สั่งจ่าย และเข้ารับการติดตามผลการตรวจเป็นประจำ

    คอยตรวจสอบความดันโลหิตด้วยตนเอง
    รักษาการดำเนินชีวิตที่มีสุขภาพดี
    หยุดสูบบุหรี่
    รักษาน้ำหนักตัว และรอบเอว (ค่าดัชนีมวลกาย <23 กก./ตารางเมตร รอบเอว <90 ซม. สำหรับผู้ชาย และรอบเอว<80 ซม. สำหรับผู้หญิง)
    ปรับเปลี่ยนนิสัยการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ลดการรับประทานปริมาณเกลือ และรับประทานผัก และผลไม้ให้มากขึ้น
    ทำกิจกรรมด้านแอโรบิกตั้งแต่ระดับกลาง-ระดับเข้มข้น ในระยะเวลาสั้น ๆ อย่างน้อย 10 นาที เช่น การวิ่งเหยาะ ๆ การเดิน การฝึกไทเก็ก ว่ายน้ำ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายต่อสัปดาห์รวมแล้วอย่างน้อย 150 นาที หรือ 75 นาที ด้วยการทำกิจกรรมด้านแอโรบิกที่เข้มข้นอย่างรวดเร็วรวมแล้วอย่างน้อย 75 นาที (หากคุณมีปัจจัยความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจ โปรดขอคำปรึกษาจากแพทย์ก่อนทำการออกกำลังกาย)
    หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์
    จัดการความเครียดให้เหมาะสม และคิดบวกเสมอ