คิดจะรีไฟแนนซ์บ้าน 2567 คิดถึงธนาคารไหน?...เปรียบเทียบให้ดี คำนวณให้คุ้ม ค่าใช้จ่ายจะได้ไม่บานปลาย!!"รีไฟแนนซ์ (Refinance)" หลายคนสงสัยว่า เมื่อเรากู้ซื้อบ้านแล้ว เราจำเป็นจะต้อง รีไฟแนนซ์ ไหม? คำตอบของคำถามนี้บอกได้เลยค่ะว่า รีไฟแนนซ์ นั้น มีความจำเป็นสำหรับคนที่ต้องการลดการจ่ายดอกเบี้ยลง เพราะการ รีไฟแนนซ์ เป็นการเปลี่ยนเจ้าหนี้ จากผู้ให้สินเชื่อเดิมเพื่อไปขอกู้จากผู้ให้สินเชื่อใหม่ ซึ่งผู้ให้สินเชื่อใหม่จะเสนออัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า โดยปกติแล้วธนาคารที่ให้สินเชื่อเดิมจะมีโปรโมชั่นสำหรับดอกเบี้ยเงินกู้สูงสุดอยู่ที่ 3 ปีแรก และหลังจากนั้นก็จะเป็นดอกเบี้ยที่สูงขึ้นแบบลอยตัว รวมทั้งในเงื่อนไขของสินเชื่อแต่ละธนาคารก็ได้กำหนดให้เราต้องชำระเงินกู้ให้ครบ 3 ปีก่อน แล้วถึงจะทำการ รีไฟแนนซ์ เปลี่ยนสินเชื่อกับธนาคารใหม่ได้ ทั้งนี้ ในบางรายมีความจำเป็นที่จะต้องจ่ายค่างวดให้น้อยลงกว่าเดิม หรือต้องการตัดเงินต้นเพิ่มขึ้น การ รีไฟแนนซ์ นี้ก็สามารถตอบโจทย์ความต้องการเหล่านี้ได้เช่นกัน
เปรียบเทียบให้ดี เลือกให้คุ้ม ค่าใช้จ่ายไม่บานปลาย...ต้องดูอะไรบ้าง?
ปัจจุบันคนส่วนใหญ่หันมาสนใจการ รีไฟแนนซ์ บ้านมากขึ้น ทำให้บรรดาธนาคารต่างๆ จัดโปรโมชั่นเกี่ยวกับสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านออกมาไม่ขาดสาย ซึ่งนับได้ว่าเป็นผลดีกับผู้บริโภคอย่างเราๆ เนื่องจากการแข่งขันค่อนข้างสูง ยิ่งธนาคารไหนออกโปรโมชั่นที่จูงใจ และดึงดูดผู้บริโภคมากที่สุด ก็จะได้รับความนิยมมากเท่านั้น ดังนั้น ในฐานะผู้บริโภคอย่างเราควรจะต้องมีการเปรียบเทียบให้ดี ดูให้คุ้ม ว่าแบบไหนได้ประโยชน์มากที่สุด
ถ้าต้องรีไฟแนนซ์ จะเลือกธนาคารไหนดี?
กรณีคำนึงถึงดอกเบี้ย
หลังจากที่ได้เห็นตารางเปรียบเทียบของหลายๆ ธนาคารข้างต้นแล้ว ถ้าดูจากเรื่องของดอกเบี้ยแล้วนั้น ธนาคารที่มีดอกเบี้ยถูกและน่าสนใจมากที่สุดในกลุ่มนี้ นั่นก็คือ "ธนาคารธนชาต" ด้วยอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปี เริ่มต้น 3.29% ต่อปี กับ "สินเชื่อบ้านธนชาตรีไฟแนนซ์" โดยสินเชื่อนี้ทางธนาคารให้ผู้กู้สามารถเลือกได้ 2 ทางเลือก คือ
ทางเลือกที่ 1 อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 3.290% ต่อปี
ปีที่ 1 - 2 : ดอกเบี้ย 3.290% ต่อปี
ปีที่ 3 : ดอกเบี้ย MLR - 3.360% ต่อปี
หลังจากนั้น : MLR - 1.150% ต่อปี
**อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญา เท่ากับ 4.890% ต่อปี
ทางเลือกที่ 2 อัตราดอกเบี้ยคงที่ 2 ปี
ปีที่ 1 - 2 : 4.250% ต่อปี
ปีที่ 3 : MLR - 0.900% ต่อปี
หลังจากนั้น : MLR - 0.650% ต่อปี
**อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญา เท่ากับ 5.623% ต่อปี
หมายเหตุ :
สามารถขอเพิ่มวงเงินกู้ เพื่อชำระค่าเบี้ยประกันชีวิตแบบคุ้มครองวงเงินกู้ (MRTA) ได้
สิทธิพิเศษ ธนาคารจะมอบส่วนลดอัตราดอกเบี้ยจำนวน 12 เดือน ในกรณีลูกค้าทำประกันชีวิตที่คุ้มครองวงเงินกู้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 70 กับบริษัทผู้รับประกันตามนโยบายของธนาคารโดยอายุกรมธรรม์ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 70 ของอายุสัญญากู้เงิน และไม่ต่ำกว่า 10 ปี หรือทำประกันชีวิตที่คุ้มครองวงเงินกู้ทั้งจำนวนกับบริษัทผู้รับประกันตามนโยบายของธนาคาร โดยอายุกรมธรรม์ไม่ต่ำกว่าอายุสัญญากู้เงินหรือไม่ต่ำกว่า 10 ปี
- ซื้อประกันชีวิต MRTA : ลดอัตราดอกเบี้ย 0.15%
- ซื้อประกันชีวิต MRTA Plus : ลดอัตราดอกเบี้ย 0.25%
กรณีคำนึงถึงค่างวด
หากการเลือกรีไฟแนนซ์เพื่อต้องการจ่ายค่างวดให้น้อยลง และสามารถลดเงินต้นได้เพิ่มขึ้นนั้น ทาง สินเชื่อบ้านธนชาตรีไฟแนนซ์ ก็ยังสามารถตอบโจทย์นี้ได้อยู่ เพราะอัตราดอกเบี้ยต่ำเฉลี่ย 3 ปีแรก เริ่มต้น 3.29% ต่อปี เมื่อดอกเบี้ยน้อยลง ค่างวดก็น้อยลง และทำให้เงินต้นลดมากขึ้น พร้อมให้ระยะเวลาการผ่อนชำระนานสูงสุด 30 ปี ดังนั้น จึงจ่ายน้อย ผ่อนสบาย ซึ่งเป็นการลดภาระได้มากทีเดียว
ตารางเปรียบเทียบการจ่ายค่างวดที่ลดลง และสามารถตัดเงินต้นได้มากขึ้น
เปรียบเทียบ ธนาคารเดิม
วงเงินกู้ (บาท) 2,000,000
ระยะเวลาผ่อน (ปี) 30 27
ค่างวดผ่อนต่อเดือน 12,800 12,500
อัตราดอกเบี้ย เฉลี่ย 3 ปีแรก 5.75% 3.29%
ดอกเบี้ยจ่าย 3 ปีแรก 334,741 184,895
เงินต้นที่จ่ายคืนใน 3 ปีแรก 126,059 265,105
จากตัวอย่างตารางเปรียบเทียบจะเห็นได้ชัดว่าถ้าเปลี่ยนมารีไฟแนนซ์บ้านกับธนชาต จะทำให้ยอดชำระค่างวดต่อเดือนลดลง เมื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำลง นอกจากนั้น ยอดดอกเบี้ยทั้งหมดของ 3 ปีแรกก็จ่ายน้อยลงด้วยเช่นกัน จึงทำให้จำนวนเงินต้นที่ถูกตัดไปก็เพิ่มขึ้นอีกด้วย
กรณีคำนึงถึงวงเงินกู้เพิ่ม
ความต้องการเพิ่มเติมของคนที่ต้องการรีไฟแนนซ์บ้านนั้น นอกจากจะต้องการดอกเบี้ยที่ลดลงแล้วหลายคนก็ยังมีความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินส่วนต่างที่ได้จากการรีไฟแนนซ์เพิ่มเติมอีกด้วย ซึ่งบางคนก็จะต้องนำไปปิดหนี้ในส่วนอื่นที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่า หรือในบางคนก็ต้องการนำไปเป็นเงินทุนเพื่อใช้ในการลงทุนธุรกิจเพื่อให้เกิดรายได้ ดังนั้น วงเงินกู้เพิ่มจากการรีไฟแนนซ์บ้านจึงจำเป็นด้วยเช่นกัน ในกรณีนี้ธนาคารธนชาตเปิดโอกาสให้ลูกค้ารีไฟแนนซ์สามารถขอกู้เพิ่มได้ตามเงื่อนไขวงเงิน โดยธนาคารธนชาตจะพิเศษกว่าหลายๆ ธนาคารตรงที่จะคิดดอกเบี้ยในช่วง 3 ปีแรกของวงเงินกู้เพิ่มที่อัตราดอกเบี้ยเดียวกับอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ ซึ่งเมื่อเทียบกับหลายๆ ธนาคารในตลาด ณ ขณะนี้ก็ถือว่าถูกและพิเศษมากๆ
อยากขอกู้ "สินเชื่อบ้านธนชาตรีไฟแนนซ์" ต้องทำยังไง?
จากข้อมูลที่เห็นในข้างต้น เชื่อแน่ว่าหลายคนคงจะสนใจที่จะรีไฟแนนซ์กับธนาคารธนชาตแล้วใช่มั้ยคะ งั้นก็อย่ารอช้า...เรามาดูกันเลยค่ะว่า คุณสมบัติของคนที่จะขอกู้ สินเชื่อบ้านธนชาตรีไฟแนนซ์ ต้องเป็นแบบไหน? ใช้เอกสารอะไรบ้าง? เราจะมีคุณสมบัติที่จะขอกู้ได้หรือไม่? เช็คคุณสมบัติไปพร้อมกันเลยค่ะ
คุณสมบัติของผู้กู้
บุคคลธรรมดา
สัญชาติไทย หรือเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย กรณีที่ไม่มีสัญชาติไทยต้องมีเอกสารแสดงถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย หรือใบต่างด้าว หรือมีชื่อในทะเบียนบ้าน (ทร.14)
อายุไม่ต่ำกว่า 20 ปี
มีรายได้ไม่ต่ำกว่า 10,000 บาท/เดือน/คน
อายุงานไม่น้อยกว่า 1 ปี หากไม่ถึง 1 ปี ต้องมีเอกสารหรือหนังสือรับรองจากที่ทำงานเดิมมาแสดงว่ามีอายุงานมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี
กรณีผู้กู้ประกอบธุรกิจส่วนตัว ต้องดำเนินธุรกิจมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี
กรณีมีผู้กู้ร่วม ผู้กู้ร่วมต้องมีส่วนในการผ่อนชำระหนี้ และต้องเป็นบุคคลในครอบครัวเดียวกัน
กรณี Refinance ต้องมีประวัติผ่อนชำระกับสถาบันการเงินอื่นมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี และบัญชีมีสถานะล่าสุด เป็นปกติ
ระยะเวลาการผ่อนชำระ
ผ่อนชำระสูงสุดไม่เกิน 30 ปี โดยกำหนดอายุผู้กู้ร่วมกับระยะเวลาที่ผ่อนชำระ ดังนี้
อาชีพพนักงานประจำ อายุรวมไม่เกิน 65 ปี
เจ้าของธุรกิจ / ผู้ประกอบอาชีพอิสระ อายุรวมไม่เกิน 70 ปี
ประเภทหลักประกัน
บ้านพร้อมที่ดิน, ทาวน์เฮ้าส์, ทาวน์โฮม, โฮมออฟฟิต, อาคารพาณิชย์ และอาคารชุด (คอนโดมิเนียม)
มูลค่าหลักประกันขั้นต่ำ
กรุงเทพและปริมณฑล 700,000 บาท
ต่างจังหวัด 500,000 บาท
วงเงินกู้
วงเงินอนุมัติสูงสุด 100% ของราคาประเมินหรือราคาซื้อขาย แล้วแต่อย่างใดจะต่ำกว่า
กรณีเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่เข้าร่วมโครงการกับธนาคาร เงื่อนไขเป็นไปตามรายละเอียดของแต่ละโครงการ
หมายเหตุ : ธนาคารขอสงวนสิทธิ์ในการพิจารณาอนุมัติวงเงินกู้ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของธนาคาร