คุณสมบัติของฉนวนกันความร้อนที่ใช้ในงานอุตสาหกรรม

[siritidaphon]

คุณสมบัติของฉนวนกันความร้อนที่ใช้ในงานอุตสาหกรรม

ฉนวนกันความร้อนที่ใช้ในงานอุตสาหกรรมนั้นแตกต่างจากฉนวนที่ใช้ในบ้านทั่วไปอย่างมาก เนื่องจากต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่รุนแรงกว่า ทั้งอุณหภูมิที่สูงมาก, สารเคมี, และแรงดันต่างๆ ดังนั้นคุณสมบัติของฉนวนจึงต้องมีความแข็งแกร่งและปลอดภัยเป็นพิเศษ


คุณสมบัติหลักของฉนวนกันความร้อนในงานอุตสาหกรรม

1. ทนอุณหภูมิสูง (High Temperature Resistance): เป็นคุณสมบัติที่สำคัญที่สุด โดยฉนวนต้องสามารถทนอุณหภูมิสูงสุดของพื้นที่ใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง โดยไม่เสื่อมสภาพ เช่น ฉนวนใยหินสามารถทนได้ถึง 600-800°C ส่วนเซรามิคไฟเบอร์สามารถทนได้สูงถึง 1,200-1,700°C 🌡️


2. ค่าการนำความร้อนต่ำ (Low Thermal Conductivity): ฉนวนที่มีค่าการนำความร้อน (k-value) ต่ำจะทำหน้าที่ป้องกันการถ่ายเทความร้อนได้ดี ทำให้สูญเสียพลังงานน้อยที่สุด ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานในระยะยาว


3. ทนไฟและไม่ลามไฟ (Fire and Flame Resistance): ในโรงงานอุตสาหกรรมมีโอกาสเกิดเพลิงไหม้ได้ง่าย การเลือกฉนวนที่ไม่ติดไฟและไม่ลามไฟจะช่วยป้องกันการแพร่กระจายของไฟไหม้และเพิ่มความปลอดภัย


4. ความทนทานต่อสารเคมี (Chemical Resistance): โรงงานบางประเภทมีสภาพแวดล้อมที่มีฤทธิ์กัดกร่อนจากกรด ด่าง หรือสารเคมีต่างๆ ฉนวนที่ดีจะต้องทนทานต่อสารเหล่านี้ได้เพื่อไม่ให้ฉนวนเสียหายก่อนเวลาอันควร


5. ทนทานต่อแรงกดและแรงกระแทก (Mechanical Strength): ฉนวนบางประเภทที่ใช้หุ้มท่อหรือเครื่องจักรต้องมีความแข็งแรงและทนทานต่อแรงกระแทกได้ดี เพื่อไม่ให้ฉนวนเสียหายระหว่างการติดตั้งหรือใช้งาน


6. ไม่ดูดซับน้ำและกันความชื้น (Moisture Resistance): สำหรับงานระบบทำความเย็นหรือท่อไอน้ำ ฉนวนที่สามารถป้องกันการดูดซับน้ำและการเกิดหยดน้ำ (Condensation) ได้ดีจะช่วยลดความเสียหายและป้องกันการเกิดเชื้อรา


7. ดูดซับเสียง (Sound Absorption): โรงงานส่วนใหญ่มักมีเสียงดังจากเครื่องจักร ฉนวนบางประเภท เช่น ฉนวนใยหิน ก็มีคุณสมบัติในการดูดซับเสียง ช่วยลดเสียงรบกวนและเพิ่มความปลอดภัยในการทำงาน