ผู้เขียน หัวข้อ: motor show: เทียบสเปค All-New Isuzu MU-X ดูให้ชัดว่ารุ่นไหนได้อะไรบ้าง..ก่อนตัดส  (อ่าน 51 ครั้ง)

siritidaphon

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 376
  • เวบบอร์ดโพสขายฟรี
    • ดูรายละเอียด
motor show: เทียบสเปค All-New Isuzu MU-X ดูให้ชัดว่ารุ่นไหนได้อะไรบ้าง..ก่อนตัดสินใจซื้อ

สำหรับใครที่กำลังจะตัดสินใจซื้อรถยนต์อเนกประสงค์ในช่วงปลายปีแบบนี้ละก็ แน่นอนว่าในตลาดรถยนต์นั้นมีตัวเลือกอยู่เยอะมาก แต่ถ้าคุณกำลังเล็งเจ้า All-New MU-X จาก Isuzu อยู่ล่ะก็ วันนี้เราก็มีข้อมูลเปรียบเทียบมาให้ดูกัน ว่าเจ้า All-New MU-X ที่มีรุ่นย่อยให้เลือกกันมากถึง 7 รุ่น ได้แก่ 1.9 Active, 1.9 Luxury, 1.9 Elegant, 1.9 Ultimate, 3.0 Elegant, 3.0 Ultimate และ 3.0 Ultimate 4WD ซึ่งราคาก็ค่อนข้างจะมีความแตกต่างกันอยู่เยอะเหมือนกัน จะมีอะไรแตกต่างกันบ้าง

สำหรับขุมพลังของเจ้า All-New MU-X นั้นมีอยู่ 2 เครื่องยนต์ให้เลือก ถ้าคุณชอบเครื่องขนาดเล็กก็ควรเลือกเครื่องยนต์ RZ4E-TC 1.9 Ddi Blue Power Gen 2 ที่ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร แต่ถ้าชอบเครื่องยนต์ที่มีขนาดใหญ่กว่า และให้พละกำลังที่มากกว่าก็ต้องเลือก เครื่องยนต์ 4JJ3-TCX 3.0 Ddi Blue Power ที่ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร

ทีนี้เราก็มาเจาะรายละเอียดกันดีกว่า โดยเราจะเริ่มกันที่รุ่นถูกสุดอย่างเจ้า 1.9 Active ที่มีค่าตัวอยู่ที่  1.119 ล้านบาท ในรุ่นนี้คุณจะได้ ล้ออัลลอยขนาด 17"x7.0J กับยางขนาด 255/65R17 ส่วนไฟหน้าเป็นแบบ Bi-Beam LED Projector ที่มีระบบปรับระดับสูง-ต่ำ กับระบบ Follow Me Home ด้านไฟท้ายจะเป็นแบบ WINGLET Signature LED ส่วนกระจังหน้าจะเป็นสีดำ และ Gun Metallic อีกทั้งกระจกมองข้างยังสีดำที่มีระบบปรับไฟฟ้า และยังมีมือเปิดประตูสีเดียวกับตัวรถ, บันไดข้างสีดำ, กันชนท้ายแบบทูโทน และ สปอยเลอร์หลังในขณะที่ภายในจะได้พวงมาลัยแบบยูรีเทน ที่สามารถปรับระดับได้ 4 ทิศทาง ในส่วนของการตกแต่งภายใน คอนโซลหน้าจะเป็นแบบหุ้มหนังสังเคราะห์สีดำ ขณะที่แผงประตูจะเป็นสีเทา  บริเวณที่พักแขนจะหุ้มด้วยผ้าสีดำ ส่วนเครื่องเสียงจะได้แบบ 2-DIN ที่มีช่อง CD 1 แผ่น กับลำโพง 6 จุด พร้อมช่องต่ออุปกรณ์ USB/AUX พร้อม Bluetooth นอกจากนี้ก็ยังมีช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าเสริม 12 โวลต์มาให้ถึง 3 ตำแหน่ง ด้านระบบแอร์ในรุ่นนี้มีแผ่นกรอง PM 2.5 มาให้ด้วย ด้านเบาะนั่งจะได้เป็นวัสดุผ้าสีดำ, มือจับภายในรถก็มีให้ถึงมากถึง 7 จุด สุดท้ายที่ระบบความปลอดภัยในรุ่นนี้จะได้ ไฟ Daytime Running Light แบบ LED, ไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED, ประตูเสริมคานเหล็กเพื่อความปลอดภัย, Dual SRS Airbags, ระบบปลดล็อกประตูอัตโนมัติเมื่อถุงลม SRS ทำงาน, ระบบปลดล็อกประตูแบบ One Motion Unlock เฉพาะด้านผู้ขับขี่, ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารคู่หน้า, จุดยึด ISOFIX ที่เบาะนั่งด้านหลัง, ไล่ฝ้าที่กระจกหลัง, กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงสะท้อน, เบรกมือไฟฟ้า พร้อมระบบ Auto Brake Hold, ระบบป้องกันล้อล็อก ABS พร้อม EBD และ BA, ระบบลดกำลังเครื่องยนต์เพื่อช่วยเบรก, ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีขณะออกตัว, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน, ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน และ ระบบควบคุมการส่ายของส่วนพ่วงท้าย ที่กล่าวมานี่ก็ดูจะคุ้มกับค่าตัวล้านนิดๆ ของ All-New MU-X ในรุ่น 1.9 Active แล้วแต่ถ้านี่ยังไม่พอเราขยับไปต่อกันกับรุ่นต่อไป 

มาต่อกันที่รุ่น 1.9 Luxury ที่มีราคาค่าตัวแพงขึ้นมาอีกนิดที่ 1.314 ล้านบาท พอขยับมาเป็นรุ่นนี้สิ่งที่คุณจะได้มากกว่า 1.9 Active นั่นก็คือ ล้ออัลลอยจาก 17 นิ้ว เป็น 18 นิ้ว โดยจะได้ขนาด 18"x7.5J กับยางขนาด 265/60R18 กระจกมองข้างมีการเพิ่มระบบปรับพับไฟฟ้า, บันไดข้างสี Tungsten Silver  ในรุ่นนี้จะมีราวหลังคา มีที่ปัดน้ำฝนแบบ Built-in ที่ฉีดน้ำล้างกระจก ส่วนภายในจะได้มาตรวัดแบบ Super Vision กับจอแสดงข้อมูลการขับขี่ (MID) แบบ TFT และได้พวงมาลัยหุ้มหนัง พร้อมสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียงที่พวงมาลัยกับระบบ Cruise Control ด้านชุดตกแต่งแผงประตูสี Champagne Gold พร้อมเบาะหุ้มหนังสังเคราะห์ COOLMAX สี Saddle Brown ในขณะที่เครื่องเสียงจะเป็นแบบหน้อจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว พร้อมระบบ WiFi Mirroring และ รองรับระบบ Android Auto และ Wireless Apple CarPlay และลำโพง 6 ตัว, ช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าเสริม 12 โวลต์ 2 จุด และ ช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าเสริม USB Charger 2.4 A ที่ด้านหลังคอนโซลกลาง 2 ตำแหน่ง ด้านอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยรุ่นนี้จะได้ ไฟเลี้ยวแบบ LED ที่กระจกมองข้าง และสัญญาณกันขโมยเพิ่มเข้ามา แตาถ้านี่ก็ยังไม่สาแก่ใจคุณอีกงั้นไปต่อกันเลยกับรุ่นต่อไป   

มาต่อที่ 1.9 Elegant ที่ขยับราคาเป็น 1.359 ล้านบาท ในรุ่นนี้คุณจะได้ล้อและยางเหมือน 1.9 Luxury ส่วนภายนอกจะได้เพิ่มมาคือคิ้วขอบกระจกโครเมียมกับประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมระบบป้องกันการหนีบ ส่วนเสาอากาศเป็นแบบครีบฉลาม ในขณะที่เครื่องเสียงจะเป็นแบบหน้อจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว และลำโพง 8 ตัว, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone ปรับอุณหภูมิแยกอิสระ ซ้าย-ขวา, ช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าเสริม AC 220 โวลต์ ที่ด้านหลังคอนโซลกลาง, ช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าเสริม 12 โวลต์ 2 จุด และ ช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าเสริม USB Charger 2.4 A ที่ด้านหลังคอนโซลกลาง 2 ตำแหน่ง ด้านอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยรุ่นนี้จะได้ ไฟเลี้ยวแบบ LED ที่กระจกมองข้าง และสัญญาณกันขโมย ถุงลมด้านข้างคู่หน้าและม่านถุงลมด้านข้าง กับกระจกมองหลังแบบปรับลดแสงสะท้อนได้แบบอัตโนมัติ และจะได้ ระบบช่วยเตือนจุดอับสายตาที่กระจกมองข้าง, ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ, เซ็นเซอร์ช่วยกะระยะ หน้า 4 จุด และ หลัง 4 จุด และระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ ถัดมาที่รุ่น 3.0 Elegant ตัวนี้มีราคา 1.404 ล้านบาท ในรุ่นนี้คุณจะได้ล้ออัลลอยและยางรวมถึงรายละเอียดภายนอกและภายในก็เช่นกัน รวมถึงความปลอดภัยด้วยที่เหมือนรุ่น 1.9 Elegant ทุกอย่างนอกจากเครื่องยนต์

ด้านรุ่น 1.9 Ultimate ที่มีราคาขยับไปถึง 1.454 ล้านบาท จะได้ล้ออัลลอยขนาด 20"x7.5J และยางขนาด 265/50R20 ส่วนภายนอกรุ่นนี้จะได้ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ กับ ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ และ กระจกบังลมหน้าแบบ IR Cut ส่วนภายในรุ่นนี้จะได้ Paddle Shift กับชุดตกแต่งแผงประตู สี Champagne Gold พร้อมหุ้มหนังสังเคราะห์สีน้ำตาลบริเวณที่พักแขน พร้อมไฟ Ambient Light และยังได้ กุญแจ ISUZU Genius Entry กับระบบ Push Start รวมถึงระบบ Remote Engine Start ด้านความปลอดภัยรุ่นนี้จะได้เพิ่มเติมคือ ระบบแจ้งเตือนก่อนการชนด้านหน้า, ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ, ระบบแจ้งเตือนออกนอกเลน, ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์เมื่อเหยียบคันเร่งผิดพลาด, ระบบตั้งค่าจำกัดความเร็วสูงสุดด้วยตัวเอง, ระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ, ระบบเบรกอัตโนมัติหลังการเกิดอุบัติเหตุและระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติเมื่อมีรถสวนทางขณะเลี้ยวขวา ออ ที่พลาดไม่ได้คือ ระบบ Cruise Control แบบ Full Speed Range Adaptive Cruise Control

สำหรับรุ่นรองท๊อปอย่าง 3.0 Ultimate ที่มีราคา 1.499 ลบ จะได้ล้ออัลลอยและยางเหมือน 1.9 Ultimate ส่วนภายนอก และภายใน รวมถึงระบบด้านความปลอดภัยก็เช่นเดียวกัน ปิดท้ายด้วยรุ่นท็อปอย่าง 3.0 Ultimate 4WD ราคา 1.599 ลบ ได้ทุกอย่างเหมือนรุ่น 3.0 Ultimate แต่ที่แพงกว่านั่นก็คือจะได้ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อไว้ฝ่าทุกอุปสรรคพร้อมระบบ Rough Terrain Mode
 
สำหรับใครที่สนใจจะเป็นเจ้าของรถ All-New MU-X ก็คงจะมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจ แต่ถ้านี่ยังไม่พอ ก็สามารถไปพบกันที่โชว์รูมของ Isuzu ทุกสาขา หรือไม่ก็ในงาน Motor Expo 2021 ก็ไปเดินสัมผัสของจริงกันได้เลย